ถามตอบกฎหมายข่าว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 5 ก.ย. 2567
ทรพีคลั่งยานรก ก่อคดีมาตุฆาต สับหัวแม่เละดับคาบ้าน ตำรวจจับได้ทันควัน
ทรพีทาสยานรกคลั่งสติแตกก่อคดีมาตุฆาตใช้กระถางทุบหัวแม่แล้วคว้าจอบสับซ้ำดับคาบ้าน ก่อนถีบจักรยานเผ่นหนี ถูกตำรวจไล่จับได้ทันควัน พบพฤติกรรมแสบชอบขโมยทรัพย์สินไปซื้อยาบ้า ถึงขั้นเคยถอดแอร์ไปขาย แถมอาละวาดทุบศาลพระภูมิพัง ผู้ใหญ่บ้านแจ้งตำรวจจับนำตัวไปบำบัดหลายครั้ง สุดท้ายปล่อยตัวออกมาทุกที แล้วย้อนกลับไปพี้ยาซ้ำอีกเหตุสะเทือนใจลูกทรพีคลั่งยาใช้กระถางทุบหัวแม่แล้วใช้จอบสับซ้ำดับคาบ้าน เปิดเผยเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 4 ก.ย. ร.ต.อ.สถาพร ดวงสี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุลูกทำร้ายแม่เสียชีวิตบริเวณบ้านเลขที่ 7/1 หมู่ 5 ต.หนองงูเหลือม ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.สำราญ บัวเย็น รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครปฐม แพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 7
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 289
ผู้ใด
(1) ฆ่าบุพการี
(2) ฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่
(3) ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่บุคคลนั้นจะช่วยหรือได้ช่วยเจ้าพนักงานดังกล่าวแล้ว
(4) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
(5) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
(6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น หรือ
(7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
ต้องระวางโทษประหารชีวิต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2475 มาตรา 289 (1) เป็นบทบัญญัติที่จะต้องทำให้บุคคลได้รับโทษหนักขึ้นเพราะเหตุ ดังนั้นจะต้องเป็นไปตามมาตรา 62 วรรคสุดท้ายบัญญัติว่า บุคคลจะต้องรับโทษหนักขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงใด บุคคลนั้นจะต้องได้รู้ข้อเท็จจริงนั้น ดังนั้น ถ้าฆ่าบิดามารดาตายโดยไม่รู้ว่าเป็นบิดามีความผิดฐานฆ่าคนธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2534 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้ลดมาตราส่วนโทษที่จะลงหรือลงโทษสถานเบานั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยพยายามฆ่าบิดาของจำเลย จำเลยจึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา289(1) ประกอบมาตรา 80 และมาตรา 289 บัญญัติให้ลงโทษสถานเดียวคือประหารชีวิต เมื่อจำเลยพยายามกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80 บัญญัติให้ลงโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดดังกล่าวจึงต้องวางโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตตามมาตรา 52(1) เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลลดโทษให้จำเลยอีกกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 โดยเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 53 คงจำคุกจำเลย 25 ปี จึงเป็นการลงโทษจำเลยถูกต้องตามกฎหมายและเป็นการลงโทษต่ำสุดเท่าที่กฎหมายกำหนด ไม่อาจลดโทษลงได้อีกที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นแต่ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงโทษจำเลยตามมาตรา 289โดยไม่ระบุอนุมาตราที่กระทำผิดมาด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นควรระบุเสียให้ชัดแจ้ง”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(1) ประกอบด้วยมาตรา 80 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1
แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
สำนักอำนวยการประจำศาลฎีกา
เนติบัณฑิตยสภา
สงสัยกฎหมาย 0816116174 ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี

ดูโพสต์

ทนายเกรียงศักดิ์